By using this website, you agree to the use of cookies as described in our Privacy Policy.

5 ข้อต่อสู้คดีลักทรัพย์ !”อ้างเหตุขาดเจตนา” (พร้อมตัวอย่างคำพิพากษา)

การต่อสู้คดีลักทรัพย์โดยอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด สามารถยกขึ้นมาต่อสู้แบบไหนยังไงได้บ้างวันนี้เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆครับ

คดีลักทรัพย์เนี่ยเป็นอีกคดีนึงที่สามารถมีประเด็นข้อต่อสู้ได้หลากหลายเช่น

1.ไม่ได้เอาทรัพย์สินนั้นไป
2 ทรัพย์สินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์เราเอง
3.ผู้เสียหายไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน ฎ.1684/2513 ฎ.2763/2541 ฎ.3896/2528

อย่างไรก็ตามมีบางคดีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเราไปเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาจริงๆ

แต่เรามีประเด็นข้อต่อสู้ว่าเราไม่มีเจตนากระทำความผิดเราสามารถหยิบยกประเด็นขึ้นมาต่อสู้ได้ยังไงบ้าง

ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

สำหรับประเด็นข้อต่อสู้เรื่องเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญานั้นก็ต้องไปดู

มาตรา 59 บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย

มาตรา 62 ข้อเท็จจริงใด ถ้ามีอยู่จริงจะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิด หรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่งมาตรา 59 หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำความผิด ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า การกระทำนั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท

1.ไม่มีเจตนาทุจริต

2.ไม่ได้มีเจตนาจะเอาทรัพย์สินนั้นไปเป็นของตัวเอง

3. ขาดเจตนาในการกระทำความผิด

4.ไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบแห่งการกระทำความผิด